จุฬาฯ เผยผลทดสอบ สุนัขดมกลิ่นหาเชื้อโควิด จากคณะสัตวแพทย์ฯ

จุฬาฯ เผยผลทดสอบ สุนัขดมกลิ่นหาเชื้อโควิด จากคณะสัตวแพทย์ฯ

ประชาชาติธุรกิจ online

เผยแพร่ : 18 มิถุนายน 2564 – 11:28 น.

รูปปก : www.chula.ac.th

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย วิจัยสำเร็จ ทดสอบสุนัขดมกลิ่นหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ พบแม่นยำถึง 94.8% เทียบหลายประเทศฝั่งยุโรป

วันที่ 18 มิถุนายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เว็บไซต์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เผยแพร่ผลงานล่าสุดที่ประสบความสำเร็จ ของคณะสัตวแพทยศาสตร์ ร่วมกับคณะแพทยศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หลังทำโครงการวิจัยโดยการฝึกให้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของประเทศไทย

สำหรับการตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 ด้วยอุปกรณ์วัดอุณหภูมิแบบต่าง ๆ เป็นวิธีการคัดกรองเบื้องต้นและได้ผลสำหรับผู้ที่ติดเชื้อและแสดงอาการแล้วเท่านั้น ส่วนผู้ที่ติดเชื้อแต่ยังไม่แสดงอาการ เครื่องมือเหล่านี้ยังไม่สามารถตรวจพบได้ แต่สุนัขที่ได้รับการฝึกมาแล้วสามารถทำสิ่งนี้ได้ ซึ่งเหตุผลข้างต้นเป็นที่มาของงานวิจัยชิ้นนี้

ผลงานทดสอบ

ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ รองคณบดีฝ่ายวิจัยและนวัตกรรม คณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาฯ ในฐานะหัวหน้าโครงการวิจัยฯ ระบุว่า สุนัขมีความสามารถในการดมกลิ่นดีกว่าคนถึง 50 เท่า จึงนำศักยภาพเหล่านี้มาใช้ โดยเฉพาะสุนัขสายพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ ที่คณะวิจัยเลือกมาฝึกและทดสอบในโครงการนี้จำนวน 6 ตัว ซึ่งสุนัขสายพันธุ์ดังกล่าว เป็นสุนัขที่มีโพรงจมูกยาว มีประสาทสัมผัสรับรู้กลิ่นที่ไวและดี อุปนิสัยเป็นมิตรและฝึกง่าย

จากการทดสอบ สุนัขทั้ง 6 ตัว พบว่า มีความแม่นยำในการพบผู้ติดเชื้อแต่ไม่แสดงอาการสูงถึง 94.8% เทียบเคียงกับประเทศอื่น ๆ ที่มีการวิจัยใช้สุนัขตรวจคัดกรองผู้ติดเชื้อ เช่น ฟินแลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส และออสเตรเลีย

วิธีการทดสอบ

สำหรับวิธีการทดสอบ ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี เล่าว่า ทีมวิจัยได้เก็บตัวอย่างเหงื่อของผู้ติดเชื้อ ซึ่งเป็นสารคัดหลั่งที่มีการยืนยันแล้วว่าไม่มีการเจือปนของเชื้อไวรัส โดยการซับเหงื่อบริเวณใต้รักแร้ด้วยสำลีและถุงเท้า เก็บไว้ในห้องปฏิบัติการที่มีความปลอดภัยทางชีวภาพ แล้วนำสำลีและถุงเท้าดังกล่าวมาใส่กระป๋องเพื่อให้สุนัขดมกลิ่น เมื่อสุนัขได้กลิ่นก็จะนั่งลงทันที เพื่อบอกว่าคน ๆ นี้ ติดเชื้อแม้จะไม่แสดงอาการ

ระยะเวลาการทดสอบ

รศ.สพ.ญ.ดร.สมพร เตชะงามสุวรรณ สัตวแพทย์ด้านโรคติดเชื้อ หนึ่งในคณะวิจัย ก็ได้ยืนยันเช่นกันว่า กระบวนการทดสอบทั้งหมดปลอดภัยต่อทั้งตัวสุนัขและบุคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมเผยระยะเวลาดำเนินการทดสอบงานวิจัยชิ้นนี้ว่า ใช้ระยะเวลาดำเนินการ 6 เดือน แบ่งเป็น 3 ระยะ ด้วยกัน

  • ระยะแรกใช้เวลา 2 เดือน เป็นการทดสอบความสามารถและฝึกสุนัขในการแยกแยะกลิ่นผู้ติดเชื้อได้อย่างแม่นยำ ว่องไว และแน่นอน โดยมีกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 และบริษัท พี คิว เอ แอสโซซิเอท จำกัด ร่วมสนับสนุนการเตรียมตัวและฝึกสุนัข
  • ระยะที่สอง คือ การทดลองปฏิบัติจริงที่สนามบิน ท่าเรือ สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และฝึกสุนัขให้ดมกลิ่นจากเท้าของคน
  • ระยะที่สาม เป็นการวิจัยต่อยอดเครื่องมือคัดกรองรูปแบบใหม่ เช่น เซ็นเซอร์เพื่อบ่งชี้ผู้เข้าข่ายติดเชื้อ โดยคณาจารย์คณะวิทยาศาสตร์

ดูเรื่องต้นฉบับ

แชร์บทความนี้...

Vetbasket

คุณอาจสนใจเรื่องเหล่านี้ด้วย...

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *