ไซบีเรียนฮัสกี (Siberian Husky) เจ้าชายแห่งป่าหิมะ
ไซบีเรียนฮัสกี (Siberian Husky) เป็นสุนัขขนาดกลางที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ที่บริเวณเอเชียตะวันออก สุนัขพันธุ์นี้มีนิสัยฉลาด แสนซน และมีพลังเหลือล้น ทำให้ไซบีเรียนฮัสกี้ สามารถวิ่งได้ระยะทางหลายไมล์และสามารถวิ่งลากของหนักๆได้เป็นระยะไกล ซึ่งสาเหตุนี้เองส่งผลให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในเหตุการณ์ Alaskan gold rush (ปรากฏการณ์ที่มีการอพยพของคน 100,000 คนไปที่ประเทศแคนาดาในช่วง ปีค.ศ.1896 และ 1899) และการแข่งขันการลากเลื่อน ปัจจุบันไซบีเรียนฮัสกีเป็นพันธุ์สุนัขหลักที่นิยมใช้ในการแข่งวิ่งสุนัข แต่ก็ยังเป็นสัตว์เลี้ยงแสนรักของผู้คนที่ชอบสุนัขที่ร่าเริงและมีพลัง
ไซบีเรียนฮัสกี (Siberian Husky)
ลักษณะทั่วไป
ด้วยลักษณะตัวที่ยาวและมีขนาดพอเหมาะ ไซบีเรียนฮัสกีจึงมีทั้งความอึด พลัง และความรวดเร็ว นอกจากนี้ไซบีเรียนฮัสกีที่วิ่งรวดเร็วนั้นยังมีฝีเท้าเบาและมีการลักษณะท่าทางการวิ่งที่ไหลลื่น ส่งผลให้วิ่งได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขนของสุนัขพันธุ์นี้มีขนสองชั้นที่มีความยาวปานกลาง ขนชั้นนอกมีลักษณะเรียบและตรง ส่วนขนชั้นในมีลักษณะนิ่มและหนาแน่น คุณสามารถพบไซบีเรียนฮัสกีได้ในสีที่แตกต่างกันหลายสี ตั้งแต่สีดำไปจนถึงสีขาว การแสดงออกทางพฤติกรรมส่วนใหญ่ของสุนัขพันธุ์นี้จะเป็นมิตร ใจดี และในบางครั้งก็ซนแสนซน
ลักษณะนิสัยส่วนตัว
ถ้าหากจะหาคำนิยามของนิสัยของไซบีเรียนฮัสกีคือ มีนิสัยตื่นตัวตลอดเวลา ฉลาด รักอิสระ ดื้อ ซน รักสนุก และเป็นนักผจญภัย สุนัขพันธุ์นี้รักในการวิ่งเล่น และการวิ่งนี้ก็แทบจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดของสุนัขพันธุ์นี้เลยทีเดียว ไซบีเรียนฮัสกีสามารถวิ่งเล่นหรือเดินเล่นแบบไร้จุดหมายได้เป็นชั่วโมงหรือจนกว่าจะไม่มีทีให้วิ่งเล่นแล้ว และไซบีเรียนฮัสกีมีแนวโน้มที่จะวิ่งไล่วัวควายหรือแมวที่ไม่คุ้นเคย และอาจจะทำนิสัยดุร้ายต่อสุนัขที่ไม่คุ้นเคยหรือไ่ม่มีีเจ้าของได้ด้วย แต่โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะเข้าได้ดีกับสุนัขที่มีเจ้าของ ไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขที่ชอบเข้าสังคมและต้องการเวลาและความเอาใจใส่จากเจ้าของอย่างมาก ไซบีเรียนฮัสกีบางตัวมีแนวโน้มที่จะขุดคุ้ย กัดสิ่งของต่างๆ และอาจจะหอนได้ในบางครั้ง
การดูแล
ไซบีเรียนฮัสกีต้องการการออกกำลังกายเป็นประจำทุกวันไม่ว่าจะเป็นการใส่สายจูงแล้ววิ่ง หรือการพาไปเดินเล่นก็ได้ และนอกจากนี้ยังต้องการการแปรงขนเป็นประจำอาทิตย์ละครั้ง และช่วงที่มีการผลัดขนเยอะๆจำเป็นต้องทำการแปรงขนทุกวัน ไซบีเรียนฮัสกีชอบอากาศที่หนาวเย็นและชอบกัดดึงสิ่งของเล่น แม้ว่าสุนัขสายพันธุ์นี้สามารถอาศัยอยู่นอกบ้านในอากาศที่หนาวเย็นได้ แต่สิ่งที่ดีที่สุดคือการให้เค้าได้ใช้เวลาอยู่ทั้งภายในบ้านและนอกบ้านเท่าๆกัน
สุขภาพ
ไซบีเรียนฮัสกี มีอายุเฉลี่ยประมาณ 11 ถึง 13 ปี และโรคที่อาจจะเกิดกับสุนัขพันธุ์นี้ได้ เช่น โรคจอประสาทตาอักเสบ ไฮโปไทรอยด์ ต้อกระจก และกระจกตาเสื่อม จากโรคต่างๆที่สุนัขพันธุ์นี้สามารถเป็นได้แล้ว เมื่อพาเค้าไปหาสัตวแพทย์ สัตวแพทย์อาจมีการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ สะโพก และตรวจตาเพื่อวินิจว่าเค้าเป็นโรคเหล่านี้หรือไม่
ประวัติเกี่ยวกับไซบีเรียนฮัสกี
ชาวชุกชีเป็นผู้ที่ทำให้เกิดสุนัขไซบีเรียนฮัสกี้ขึ้นมา แต่ต้นกำเนิดของสุนัขพันธุ์นี้นั้นยังเป็นปริศนาซึ่งคาดว่าไซบีเรียนฮัสกี้น่าจะมีส่วนผสมของหลายๆพันธุ์มารวมกันส่งผลให้ชาวชุกชีต้องใช้เวลาหลายร้อยปีกว่าที่จะสามารถฝึกให้สุนัขพันธุ์นี้เป็นสุนัขลากเลื่อนได้ สุนัขพันธุ์นี้เป็นที่นิยมในช่วงเหตุการณ์ Alaskan gold rush เพราะเป็นกำลังสำคัญในการขนของต่างๆเวลาผู้คนแถบอาร์คติกอพยพ และภายในเวลาต่อมาสุนัขพันธุ์นี้กลายมาเป็นสายพันธุ์ต้นๆที่นิยมในการแข่งขันสุนัขซึ่งภายในเวลานั้น การแข่งขันสุนัขนับว่าเป็นสิ่งที่สร้างความสนุกที่เป็นที่นิยมมาก การแข่งขันครั้งหนึ่งสุนัขต้องวิ่งเป็นระยะทาง 400 ไมล์จากเมือง Nome ไปถึงเมือง Candle ซึ่งเป็นระยะทางที่ยากลำบากของรัฐอลาสกา โดยในการแข่งขากเลื่อนปีค.ศ.1909 เป็นปีแรกที่ชาวชุชีได้นำสุนัขพันธุ์ไซบีเรียนฮัสกีลงแข่งขัน
และด้วยตามธรรมชาติของสุนัขพันธุ์นี้ที่ว่านอนสอนง่ายและมีขนาดตัวเล็ก จึงเป็นสุนัขที่เหมาสำหรับการแข่งขันเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งในประวัติศาสตร์ได้กล่าวถึงคนสกอตแลนด์หนุ่มที่มีชื่อว่า Charles Fox Maule Ramsay ที่ได้เล็งเห็นลักษณะของสุนัขพันธุ์นี้ และให้ผู้บังคับสุนัขลากเลื่อนที่มีชื่อว่า John “Iron Man” Johnson ใช้สุนัขไซบีเรียนฮัสกีลงแข่งขันลากเลื่อนในปีค.ศ. 1910 ส่งผลให้เอาชนะทีมคู่แข่งได้อย่างง่ายดาย และทีมของ Ramsay ทีมอื่นๆที่ใช้ไซบีเรียนฮัสกีเป็นสุนัขลากเลื่อนก็ยังเข้าเป็นที่ 2 และที่ 4 ในการแข่งขันครั้งนั้นด้วย ในทศวรรษถัดมา สุนัขพันธุ์นี้ได้ถูกยกย่องให้เป็นพันธุ์ที่มีเกียรติสำหรับการแข่งขันลากเลื่อน โดยเฉพาะเมื่อกล่าวถึงความอดทนในการแข่งขัน
ในปีค.ศ.1925 เมือง Nome รัฐอลาสกาได้เกิดโรคระบาดจากสารพิษขึ้น ทำให้มีความต้องการยาต้านพิษอย่างเร่งด่วน จึงมีการจัดคนบังคับเลื่อน 20 และสุนัขลากเลื่อน 150 ตัวเพื่อที่จะขนส่งยาต้านพิษเป็นระยะทาง 674 ไมล์ข้ามรัฐอลาสกา ซึ่งใช้เวลาเพียง 5 วันครึ่งเท่านั้นซึ่งถือว่าใช้เวลาน้อยที่สุดเป็นประวัติการ จึงทำให้สามารถช่วยผู้คนในเมือง Nome และชุมชนรอบข้างได้ ซึ่งเหตุการณ์นี้มีชื่อเรียกว่า Great race of mercy หลังจากผ่านเหตุการณ์นี้ไปทำให้คนบังคับเลื่อนและหมาลากเลื่อนทั้งหมดกลายเป็นกลุ่มคนและสุนัขที่มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศอเมริกา และ Balto สุนัขไซบีเรียนฮัสกีหัวหน้าฝูงสุนัขลากเลื่อนได้วิ่งนำเพื่อนๆในการวิ่งครั้งสุดท้ายเพื่อส่ง serum สู่เมือง Nome ทำให้สุนัขตัวนี้ได้รับชื่อเสียงอย่างมาก จนได้มีการสร้างรูปปั้นใน Central park ที่นิวยอร์คหลังจากที่ Balto ได้วิ่งไปถึงเมือง Nome 10 เดือน หลังจากนั้นไม่นานความนิยมของไซบีเรียนฮัสกีก็เริ่มแพร่ไปที่ประเทศแคนาดาและในปีค.ศ.1930 American Kennel club จึงได้รู้จักสุนัขพันธุ์นี้อย่างเป็นทางการ สุนัขไซบีเรียนฮัสกีหลายตัวได้ทำงานรับใช้ทีมช่วยเหลือและค้นหาของทหารรัฐอลาสกาในอเมริกาในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และสุนัขสายพันธุ์นี้ก็ยังคงสามารถทำให้แฟนๆการแข่งสุนัขได้ตกใจอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วและความอดทนของพันธุ์ และนอกจากนี้ยังเป็นพันธุ์ที่นิยมนำมาเป็นสุนัขแสดงและยังเป็นสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของครอบครัวได้เป็นอย่างดี
ที่มา: honestdocs